Categories
News

ทำไมเราต้อง ดูดไขมัน

ทำไมเราต้อง ดูดไขมัน ปัจจุบันมีการทำศัลยกรรมตกแต่งเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะทำศัลยกรรมใบหน้า ผิวพรรณ รูปร่าง สามารถที่จะปรับเปลี่ยนได้หมดทุกส่วนของร่างกายได้ในยุคนี้ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เกิดความสนใจและหันมาเริ่มทำศัลยกรรมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะศัลยกรรมในส่วนของใบหน้า มีการสร้างสรรค์เกิดขึ้นมากมาย ปรับเปลี่ยนใบหน้าได้อย่างที่ตัวเองพึงพอใจ และด้วยความสามารถและความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ ที่มีการพัฒนาเทียบเท่ากับประเทศอื่นๆ จึงทำให้การทำศัลยกรรมในปัจจุบัน มีความก้าวหน้าและนำเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยในวงการแพทย์มากขึ้น

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าการทำศัลยกรรมจะเป็นที่นิยมมาในปัจจุบัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีผลเสียต่อร่างกายเลย แต่ทว่าการทำศัลยกรรมบางประเภทต้องทำความเข้าใจและศึกษาให้ดีเสียก่อน ที่จะตัดสินใจทำ โดยเฉพาะการทำศัลยกรรมประเภทการ “ดูดไขมัน” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแขนงในการทำศัลยกรรมปรับเปลี่ยนสัดส่วนและรูปร่าง ให้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องทำการศึกษาหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน ที่จะตัดสินใจทำการ “ดูดไขมัน” เพราะว่ามีผลเสียและข้อจำกัดที่มีผลต่อร่างกาย

ในกลุ่มคนบางกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่าง สัดส่วน ที่ไม่สมดุลกัน ถึงแม้จะเลือกควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก หรือออกกำลังกายแล้ว ไม่มีผลเกิดขึ้นต่อร่างกาย ก็จะเลือกทำการ “ดูดไขมัน” เป็นอย่างแรก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในการปรับสัดส่วนของตัวเองอย่างรวดเร็ว และเห็นผลทันทีที่ทำ จึงทำให้การ “ดูดไขมัน” เป็นที่นิยมมากในกลุ่มผู้คนที่มีปัญหาเรื่องสัดส่วนไม่สมดุล

การ “ดูดไขมัน” หรือที่เรียกว่า Liposuction เป็นกระบวนการทำศัลยกรรมตกแต่งแขนงหนึ่ง เพื่อความงาม เพื่อปรับสัดส่วน โดยการใช้เทคนิคในการ “ดูดไขมัน” ส่วนเกินในชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนที่ต้องการในร่างกายหรือเฉพาะจุดนั้นๆ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก แม้ว่าจะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้วก็ยังไม่สามารถลดได้ เช่น หน้าท้อง สะโพก ก้น ต้นแขน ต้นขา ใต้คาง เป็นต้น โดยการใช้เครื่องมือที่มีลักษณะคล้ายท่อยาวสอดใส่เข้าไปใต้ผิวหนัง และดูดเอาไขมันส่วนเกินออกมาจากบริเวณที่ต้องการนั้นๆ

ผู้ให้บริการหลายแห่งการทำศัลยกรรม “ดูดไขมัน” อาจไม่จำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้ เป็นการทำศัลยกรรมในระยะเวลาสั้น โดยจะใช้ระยะเวลาของขั้นตอนการดูดไขมันประมาณ 2 ชั่วโมง โดยจะขึ้นอยู่กับว่าเลือกวิธีการ“ดูดไขมัน” ประเภทของใด จากนั้นหลังการทำเสร็จเรียบร้อย ก็จะต้องนอนพักสังเกตอาการอีกประมาณ 1 ชั่วโมง หากไม่มีอาการข้างเคียงก็จะสามารถกลับมาพักผ่อนที่บ้านได้

หากใครที่กำลังจะทำการ “ดูดไขมัน” ต้องเข้าใจก่อนว่า การดูดไขมันไม่สามารถลดความอ้วนทั่วร่างกายได้ ไม่สามารถลดน้ำหนักได้ แต่จะสามารถลดจำนวนไขมันบริเวณที่ต้องการ ลดไขมันเฉพาะจุดได้ เป็นไขมันที่สะสมอยู่เฉพาะที่ มีผลช่วยให้รูปร่างดีขึ้น สัดส่วนชัดเจนมากขึ้นด้วย

มีเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ต้องการที่จะ “ดูดไขมัน” เพราะว่าต้องการที่จะปรับเปลี่ยนรูปร่างและกระชับสัดส่วนให้มากขึ้น และสามารถที่จะแบ่งแยกเหตุผลหลากหลายประการที่ทำให้หลายคนเลือกศัลยกรรมด้วยวิธีการ “ดูดไขมัน” ได้ดังนี้

1.ต้องการกระชับสัดส่วน

ข้อนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่สุดเลยของหลายคนที่เลือกที่จะ “ดูดไขมัน” เพราะถือว่าต้องการที่จะกระชับสัดส่วน เรือนร่างให้ดูมีทรวดทรงมากยิ่งขึ้น จึงทำให้การ “ดูดไขมัน” เป็นทางเลือกอันดับต้นๆ ของกลุ่มที่ต้องการกระชับสัดส่วนให้หุ่นสวย เรียวบาง และทุกครั้งที่ “ดูดไขมัน” เสร็จเรียบร้อยแล้วจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำอย่างชัดเจน

2.ต้องการลดเฉพาะจุด

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องต้นขา ตนแขน ส่วนใหญ่จะเป็นการที่ แขนใหญ่ หย่อนคล้อยตามวัย ขาใหญ่ ไม่สมส่วน จึงเหมาะแก่การเลือกใช้วิธีปรับสัดส่วนด้วยการ “ดูดไขมัน” เอาส่วนที่มีไขมันสะสมจำนวนมากออกไป ซึ่ง ต้นขา ต้นแขน ก็เป็นจุดที่มีไขมันสะสมมากและควรจะกำจัดให้ออกไปให้ ต้นแขนและต้นขาเล็กลง อีกทั้งหลายจุดที่เป็นปัญหาของไขมันสะสมเช่น ใต้คาง หน้าท้อง ก้อน สะโพก เป็นต้น การกำจัดไขมันเฉพาะจุดก็จะเลือกใช้วิธีการ “ดูดไขมัน” หลายครั้งติดต่อกัน บางคนอาจจะทำมากกว่า 1 ครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องปรึกษาแพทย์ถึงความพร้อมของร่างกายและการพักรักษาตัวทั้งก่อนทำและหลังการ “ดูดไขมัน” เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่จะตาม

3.ปรับสมดุลร่างกาย

การ “ดูดไขมัน” ไม่ใช่แค่การศัลยกรรมตกแต่ง สัดส่วนให้เข้ารูป ลดส่วนที่ใหญ่กว่าปกติอย่าง หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา ก้น สะโพก หรือส่วนอื่นๆ ที่มีไขมันสะสมอยู่จำนวนมาก แต่เป็นการที่นำเอาไขมันบางส่วนออก ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงไขมันสะสมเฉพาะจุดที่ต้องการก็ตาม แต่มีผลให้สัดส่วนไขมันในร่างกายลดลงอีกด้วย เมื่อทำการ “ดูดไขมัน” แล้วจะเห็นได้ว่าสัดส่วนของไขมันในจุดที่ทำนั้นลดลงมากถึง 40% อย่างเช่นสมมติว่าสะโพกมีไขมันส่วนเกินอยู่ 100% หลังดูดออกเรียบร้อยแล้ว ไขมันจะหายไปประมาณ 50-60% ของไขมันทั้งหมด จึงทำให้การ “ดูดไขมัน” เป็นการปรับสมดุลภายในร่างกายอีกอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นการกำจัดไขมันสะสมให้ออกไปจากร่างกาย ทำให้ค่าไขมันในร่างกายลดลง

แต่ทั้งนี้หลังจากการ “ดูดไขมัน” ออกไปจากร่างกายแล้ว ไม่ใช่ว่าไขมันจะหายไปถาวร แต่ไขมันก็อาจจะกลับมาใหม่ได้เช่นกัน หากทานอาหารที่มีไขมันสูงเข้าไปในร่างกายเหมือนเดิม หรือเลือกทานแต่อาหารที่มีความมันมาก ก็จะทำให้ไขมันกลับมาสะสมบริเวณส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดังเดิม